“ผมอยากไปเล่นต่างประเทศครับ” ประโยคนี้ถือเป็นหนึ่งในวลียอดฮิตหากไปตั้งคำถามกับเด็กนักฟุตบอลตัวน้อยวัยสัก 10 ขวบ ว่ามีเป้าหมายสูงสุดในการเล่นฟุตบอลอย่างไร
ถึงแม้มันเป็นสิ่งที่ดูไกลตัวและมีอุปสรรคมากมายคอยขวางกั้น
แต่ก็มีนักเตะไทยหลายรายที่เป็นตัวอย่างให้เห็นในรูปแบบของ “ไอดอล”
ว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรยากเกินความสามารถของมนุษย์คนหนึ่ง หากทุ่มเทกับมันมากพอ
แล้วในบรรดาแข้งรุ่นพี่เหล่านั้น
มีใครกันบ้างที่ “ประสบความสำเร็จ” ในการออกไปไล่ล่าฝันของตนเองที่ต่างประเทศ แล้วมีดีลไหนบ้างที่สร้างชื่อให้นักเตะไทย
วันนี้ผมขอพาไปดู 5 อันดับ สุดยอดดีลของนักเตะไทยที่ย้ายไปเล่นยังต่างประเทศ ไปติดตามกันได้ในบทความนี้เลยครับ
10
มกราคม 2017 บนแผ่นดินทางเหนือของประเทศที่ได้ชื่อว่ามีลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในเอเชียอย่าง
ญี่ปุ่น คอนซาโดล ซัปโปโร ทีมในเจลีกได้ทำการเปิดตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ มิดฟิลด์จาก
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด สัญญายืมตัว 1ปีครึ่ง ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกในเจลีกยุคใหม่เลยทีเดียว
ในปีแรกนั้น ชนาธิป เข้าร่วมทีมไปในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง มันจึงเปรียบเสมือนการปรับตัวของ “เมสซี่เจ” เสียมากกว่า ก่อนที่ในฤดูกาล 2018 เจจะทำผลงาน 8 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ และติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของเจลีกเลยทีเดียว
ปัจจุบันนี้เจ้าตัวก็ก้าวขึ้นเป็นนักเตะที่มูลค่ามากที่สุดในทีมเรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่ประเมิณค่าไม่ได้เลยนั่นก็คือการยอมรับในตัวของนักเตะไทยจากลีกญี่ปุ่นและมันก็เหมือนเป็นใบเบิกทางให้นักเตะไทยคนอื่นๆ ได้มีโอกาสย้ายไปเล่นที่ญี่ปุ่นอีกเช่นกัน
ในแง่การตลาด เจ้าเจได้ไปออกรายการ ยาเบจจิ เอฟซี ทางช่อง TV Asahi , รายการ Ima masani kiku ทางช่อง SKY
PerfecTV นอกจากนี้เขายังได้รับบทนำในโฆษณาของ Shiroi
Koibito อีกด้วย และ sportiva.shueisha.co.jp
เว็บไซต์ดังของญี่ปุ่นก็ได้รายงานว่า "เมสซี่เจ" ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในเมืองเพิ่มขึ้นถึง
49% จากปีก่อน เลยทีเดียว
หลังจากไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่กับ วิสเซล โกเบ ในปี 2018 “โก๋อุ้ม”
หรือ ธีราทร ก็ได้โอกาสอีกครั้งจาก โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ที่คุมทีมโดย อังเก้ อดีตโค้ชทีมชาติออสเตรเลียที่เคยเจอกับ
ธีราทร มาแล้วในเกมทีมชาติ
โดยในช่วงแรก อุ้ม ยังปรับตัวให้เข้ากับแทคติกของทีมไม่ได้
เนื่องจากทีมใช้ระบบ inverted fullback ที่ฟูลแบ็คจะต้องขยับเข้าไปยืนตรงกลางสนามในเวลาที่ทีมครองบอล
ซึ่งแตกต่างจากสไตล์เดิมของ ธีราทร ที่มักจะยืนชิดเส้นข้างสนาม
และเติมสูงขึ้นไปทำเกมรุก ทำให้ 11 นัดแรก อุ้มได้ลงสนามไปเพียง 3 นัดเท่านั้น
แต่เมื่อได้เริ่มเรียนรู้และปรับตัวได้ “โก๋อุ้ม”
ก็กลายเป็นตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้เลยตลอดทั้งฤดูกาล และอุ้มก็ช่วยให้ มารินอส มีฟอร์มการเล่นที่ดีมากขึ้น
จนคว้าแชมป์เจลีกมาครองได้แบบสุดยิ่งใหญ่
และกลายเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้แชมป์นี้
ในช่วงปี 2014 อัลเมเรีย ทีมในลาลีก้าสเปนได้ทำการยืมตัว “มุ้ย” ธีรศิลป์
แดงดา นักเตะเบอร์ 1 ทีมชาติไทยไปร่วมทีมด้วยสัญญา 1 ปี หลังจากก่อนหน้านี้ กองหน้ารายนี้เคยไปร่วมซ้อมกับ
แอตเลติโก้ มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกมาก่อนแล้ว
และในการเดินทางครั้งนั้นของนักเตะที่แฟนบอลชาวไทยขนานนามว่า “เทพมุ้ย”
เขาก็ได้สัมผัสลีกเบอร์ 1 ของโลกอย่างลาลีก้า รวมถึงทำประตูในฟุตบอลถ้วยของสเปน
โดยนับเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้ลงเล่นและยิงประตูในฟุตบอลประเทศสเปน
ถึงจะไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่การได้ลงเล่นในลาลีก้าก็ทำให้ ธีรศิลป์
ได้ประสบการณ์อันล้ำค่าและสร้างชื่อไปทั่วเอเชีย
ก่อนจะได้ย้ายไปเล่นในเจลีกในเวลาต่อมานั่นเอง
“พี่ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานกองหน้าอันดับ 1 ของประวัติศาสตร์ทีมชาติไทยที่สร้างผลงานพา
ทหารอากาศคว้า 12 แชมป์ในไทย ก่อนจะมีโอกาสได้ไปเล่นใน เคลีก เกาหลีใต้ กับ ลัคกี้โกลสตาร์ ที่ในปัจจุบันก็คือสโมสร เอฟซี โซล นั่นเอง
ปิยพงษ์ ได้รับโอกาสจากที่เจ้าตัวยิงประตูเกาหลีใต้ในคิงส์คัพ ทำให้สตาฟฟ์โค้ชของเกาหลีใต้
ที่เป็นผู้ช่วยโค้ชของลัคกี้ โกลด์ สตาร์ มาติดต่อให้ไปร่วมทีม ซึ่ง เดอะตุ๊ก ก็โชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการทำ
12 ประตู 6 แอสซิสต์จาก 21 นัด พร้อมครองรางวัล ดาวซัลโว , ท็อปแอสซิสต์ และติดทีมยอดเยี่ยมของ
เคลีก ในปี 1985
ซึ่งนั่นก็ทำให้ ปิยพงษ์ ผิวอ่อน กลายเป็นตำนานนักเตะของสโมสร
และปัจจุบันนี้แฟนฟุตบอลเกาหลีใต้ก็ยังรู้จักเขาในฐานะสุดยอดนักเตะไทยที่เคยมาสร้างชื่อเสียงไว้ในเคลีกนั่นเอง
“โค้ชเฮง” สุดยอดปรมาจารย์ฟุตบอลไทย ที่นอกจากจะเป็นยอดโค้ชแล้ว
ในสมัยเป็นนักเตะก็สุดยอดไม่แพ้กัน โดยหลังจากที่เจ้าตัวไปค้าแข้งกับ ยันม่าร์
ดีเซล ในลีกญี่ปุ่นมาแล้ว ก็ได้กลับมาเล่นทีมชาติไทยในเกมที่พบกับ โคโลญจน์ หลังจบเกม
อยู่ดี ๆ ก็มีแมวมองของทีมแฮร์ธ่า เบอร์ลิน เข้ามาแนะนำสโมสรให้รู้จัก
และถามว่าสนใจไปเล่นในบุนเดสลีก้าไหม
แน่นอน วิทยา ตอบตกลง และเขาก็กลายเป็นคนไทยคนแรกใน 5
ลีกสูงสุดของยุโรป ตอนแรก วิทยา ถูกส่งไปซ้อมกับทีมสำรอง แต่โค้ชทีมสำรองได้ไปบอกกับ
คูโน่ คล็อตเซอร์ โค้ชทีมชุดใหญ่ว่า วิทยาเล่นดีกว่าเด็กคนอื่นๆ เขาจึงได้โอกาสไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่
แต่ด้วยความเป็นเอเชียจึงไม่ค่อยได้รับความเชื่อมั่นจากเพื่อนร่วมทีมมากนัก
รวมถึงโดดรุมเหยียดอยู่ตลอดเวลา แต่เจ้าตัวก็ยังอดทนฝึกซ้อมและผ่านมันมาได้
สุดท้ายเขาอยู่กับ เบอร์ลิน 3 ปี
ก่อนจะย้ายตามคำชักชวนของโค้ชเก่าไปยัง ซาร์บรุคเค่น ทีมในลีก้า 3 และมิดฟิลด์เจ้าของฉายา
“ไทยบูม” จะช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกและเลื่อนชั้นได้ในที่สุด ก่อนที่เจ้าตัวจะขอลาทีมกลับมายังเมืองไทยและเริ่มงานโค้ชในเวลาต่อมา
!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น