วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

มาไงครับเนี่ย! แข้งเอเชียโปรไฟล์หรูที่เคยมาค้าแข้งในไทยลีก


นักเตะต่างชาติในโควตาเอเชีย จัดเป็น 1 ตำแหน่งที่สร้างสีสันให้ฟุตบอลไทยลีกมาอย่างยาวนาน มาตรฐานโดยรวมอาจจะไม่ได้เด่นเท่าตัวต่างชาตินอกเอเชีย แต่ก็ถือเป็นโควต้าที่คอยเชื่อมตรงกลางระหว่างนักเตะไทยและแข้งนอกเอเชียนั่นเอง

 

ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบิ๊กทีมอยู่หลายทีมที่โชว์ศักภาพการดึงแข้งเอเชียโปรไฟล์สูงให้มาโชว์ฝีเท้าในบ้านเรา บางรายเคยคว้าถ้วยแชมป์ฟุตบอลเอเชีย บางรายเคยเล่นในยุโรป และบางรายก็เคยเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลยทีเดียว

 

ส่วนแข้งโปรไฟล์สูงเหล่านั้น จะมีคนไหน และผลงานในไทยลีกเป็นอย่างไรกันบ้าง ติดตามกันได้ในบทความนี้เลย

 

คิม ดอง จิน


กองหลังทีมชาติเกาหลีใต้ชื่อดัง ที่มีดีกรีผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึงสองสมัย ทั้งในปี 2006 และปี 2010 แถมยังเคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ กับ เซนิต ปีเตอร์เบิร์ก ทีมดังในลีกรัสเซียด้วย

 

“ดอง จิน” ถูก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าตัวมาร่วมทัพในปี 2014 ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปีในเมืองไทย เขาลงเล่นทั้ง แบ็คซ้าย ตำแหน่งเดิม , เซนเตอร์แบ็ค และ กลางรับ

 

ซึ่งส่วนใหญ่ เขาจะได้รับความไว้วางใจในตำแหน่ง เซนเตอร์แบ็ค เสียมากกว่า เพราะถึงแม้จะเป็นเพียงตำแหน่งที่สองของตัวเขา แต่ด้วยฝีเท้าและการอ่านเกมก็ทำให้เขาเอาตัวรอดในไทยลีกได้อย่างไม่ยากเย็น

 

ไมค์ ฮาร์ฟนาร์


กองหน้าเชื้อสายเนเธอร์แลนด์เจ้าของความสูง 194 เซนติเมตร ที่มาเกิดในญี่ปุ่น โดยแข้งรายนี้เล่นในเจลีกไปถึง 77 นัด พร้อมทำไป 2 ประตู รวมถึงเคยไปเล่นในยุโรปกับ วิเทสส์ และ เดน ฮาก และติดธงรับใช้แผ่นดินเกิดอย่างญี่ปุ่นไป 18 นัด

 

และในปี 2019 เจ้าบุญทุ่มอย่าง ทรู แบงค็อก ก็คว้าตัว ไมค์ มาร่วมทัพเพื่อหวังล่าแชมป์ แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวได้ลงเล่นไปเพียง 7 นัดในไทยลีก และทำได้ 3 ประตู ซึ่งฟอร์มโดยรวมมันยังไม่ตอบโจทย์ของทีม

 

กับสไตล์การเล่นที่รอจบสกอร์ในกรอบ หรือเล่นลูกกลางอากาศ มันยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับตัวรุกต่างชาติในไทยลีกรายอื่น ทำให้สุดท้าย ไมค์ ก็ทำได้เพียงโผล่มา “ฮือฮา” บนหน้าสื่อ และจากไปแบบเงียบๆ ในที่สุด

 

ไดกิ อิวามาสะ

 

แชมป์เจลีก 3 สมัย , แชมป์เอ็มเพอเรอร์คัพ 2 สมัย , แชมป์ลูวานคัพ 2 สมัย และ แชมป์เจแปนซูเปอร์คัพ 2 สมัย กับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส รวมถึงแชมป์เอเชียนคัพกับทีมชาติญี่ปุ่นในปี 2011 ทั้งหมดนี้คือเกียรติประวัติของ ไดกิ อิวามาสะ ซึ่งถือเป็นการประสบความสำเร็จอย่างสูงในฟุตบอลเอเชีย

 

แน่นอน นั่นก็ทำให้ชื่อของ ไดกิ ถือเป็นปราการหลังระดับตำนานคนนึงเลยทีเดียว และในวัยขึ้นเลข 3 เจ้าตัวก็ย้ายมาหาความท้าทายใหม่กับ บีอีซี เทโร ในปี 2014 และประสบการณ์ของเขาก็ช่วยพา “มังกรไฟ” คว้าแชมป์ลีกคัพไปครองได้สำเร็จ

 

โก ซุล กิ


หลังจากโลดแล่นกับหลายสโมสรใน เคลีก เกาหลีใต้ บ้านเกิด รวมถึงข้ามฝากไปเล่นยัง การ์ตา มาระยะนึง มิดฟิลด์หน้านิ่งรายนี้ก็พกดีกรี “แชมป์เอเชีย” กับสโมสรอุลซาน และย้ายมาค้าแข้งในไทยลีกกับบุรีรัมย์

 

ตลอดระยะเวลา 4 ในถิ่นปราสาทสายฟ้า เขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วยสไตล์กาารแบบ บ็อกทูบ็อก เกมรับเชื่อใจได้ รวมถึงเกมรุกที่สอดไปทำประตูบ่อยครั้ง บวกกับความเยือกเย็นในการเล่น ทำให้ โก ถูกยกให้เป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดเท่าที่ไทยลีกเคยมีมา และยังเป็นโควตาเอเชียที่ดีที่สุด เช่นกัน


เขากวาดทุกแชมป์กับ บุรีรัมย์ ตลอดจนย้ายมาอยู่กับ การท่าเรือ ก็พาทีมจากคลองเตยคว้าแชมป์เอฟเอคัพไปอีกครองได้อีก จะว่าไปผลงานในเมืองไทยของเจ้าตัวอาจจะเด่นกว่าโปรไฟล์ก่อนหน้าด้วยซ้ำไป

 

ฮาจิเมะ โฮโซไก


มิดฟิลด์ตัวรับสายคลาสสิค ผู้มากประสบการณ์เริ่มสร้างชื่อกับ อูราวะ เรด ไดมอนด์ส ด้วยถ้วยแชมป์ เจลีก และ เอเอฟซี แชมเปียนลีก ก่อนไปโลดแล่นบนเวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน กว่า 100 นัด กับสโมสรชื่อดังทั้ง เลเวอร์คูเซ่น, เอาก์สบวร์ก, แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และ สตุ๊ตการ์ต รวมถึงคว้าแชมป์เอเชี่ยนคัพในชุดเดียวกับ อิวามาสะ

 

โดยเขาถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สู่ขอมาร่วมทัพในปี 2019 ซึ่งในปีนั้นทีมไม่มีแชมป์ใดติดมือ ทำให้ต้นปี 2020 ถูกยืมตัวมาอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พร้อมออกสตาร์ทสุดหรูด้วยผลงานชนะ 4 นัดรวดนำจ่าฝูงของตารางอยู่ในขณะนี้

 

ก็ต้องมารอดูกันว่าด้วยโปรไฟล์ระดับนี้ ฮาจิเมะ จะสามารถคว้าแชมป์ไทยลีกกับพลพรรคแข้งเทพได้หรือไม่

 

อีโฮ


มิดฟิลด์เชิงสูงที่สร้างชื่อด้วยการค้วาแชมป์ เคลีก กับ อุลซาน ก่อนจะได้เป็นตัวหลักของเกาหลีใต้ในฟุตบอลโลกเมื่อปี 2006 และย้ายตามรุ่นพี่อย่าง คิม ดองจิน ไปเล่นในยุโรปกับ เซนิต ปีเตอร์เบิร์ก จนมีแชมป์ลีกและยูฟ่า คัพ ติดมือ หลังจากนั้นเจ้าตัวก็แยกย้ายกลับมาเล่นในเอเชียกับหลายสโมสร

 

ในที่สุด อีโฮ ก็ได้หวนกลับมาเล่นให้ อุลซาน และเขาก็เป็นตัวหลักพาทีมคว้าถ้วย เอเอฟซี แชมเปียนลีก มาครอง ก่อนจะย้ายไปเล่นกับอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่อย่าง ชนบุค ฮุนได และ อีโฮ ก็ได้ถ้วยนี้อีกครั้ง แต่ในฐานะตัวสำรอง เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่เริ่มโรยรา

 

และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เขาเลือกมาค้าแข้งในเมืองไทย ด้วยคำแนะนำของรุ่นพี่อย่าง คิม ดองจิน จุดหมายของเขาก็กลายเป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่นี่เขาเข้ามายกระดับการคุมจังหวะแดนกลางของทีม และพาทีมสร้างประวัตฺศาสตร์เข้ารอบ 16 ทีม ฟุตบอลเอเอฟซี แชทเปียนลีก อีกด้วย


เครดิตภาพ
True bangkok united
Muangthong United fc.
getty images


PALM WAZZA : ธนชล เอ่งฉ้วน

ผู้เขียน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น