วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563

5 ทีมเต็ง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก

เป็นเวลา 5 เดือนสำหรับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่พักหยุดแข่งขันกันไปด้วยโรคระบาดโควิด-19 แต่แชมเปี้ยนส์ลีกก็จะได้กลับมาเตะกันในเดือนนี้แล้ว เป็นรายการที่ทุกคนเฝ้ารอชมความสนุกความมันและสูสีที่สุด

โดยวันนี้จะพามาดูทีมเต็งที่มีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีนี้ เราจะพามาดูสภาพความพร้อมของทีมและนักเตะตัวเด็ดของแต่ละทีมไปดูกันเลย

1. บาเยิร์น มิวนิค

ยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีก้าที่พึ่งคว้าแชมป์ลีกมาครองด้วยขุมกำลังนักเตะในทีมที่มีสามารถเป็นแชมป์ยุโรปได้เสมอและปีนี้เป็นปีที่ทีมเล่นกันได้อย่างดีหลายคนโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าดาวยิงปีนี้ก็ได้ระเบิดฟอร์มยิงประตูได้อย่างมหาศาล เลยทำให้เป็นทีมเต็ง 1 ของรายการ

2. ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง

แชมป์ลีกเอิงในฤดูกาลนี้ก็เป็นทีมที่มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้ ด้วยขุมกำลังตั้งแต่ผู้รักษาประตู จนถึงกองหน้า ถือว่ามีขุมกำลังที่น่ากลัวเลยทีเดียวโดยตัวรุกนำทีมโดย เนย์มาร์ เอ็มบัปเป้ อิคาร์ดี้ และด้วยประสบการณ์ในหลายๆฤดูกาลที่ผ่านในแชมป์เปี้ยนส์ลีกด้วยฟอร์มในรอบที่ผ่านมา เลยทำให้ปารีสกลายเป็นเต็ง 2 ของรายการ

3. แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แม้ว่าทีมเรือใบสีฟ้าจะยังไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้สำเร็จ แต่ด้วยขุมกำลังนักเตะที่มีคุณภาพในทุกๆตำแหน่งด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาในหลายๆฤดูกาลบวกกับ เป๊ป กวาร์ดิโอลาและทีมมีเป้าหมายมุ่งมั่นอยากได้ถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ลีกมาครอง เรือใบสีฟ้าเป็นทีมที่น่ากลัวเลยกลายเป็นทีมเต็ง 3 ของรายการ

4. ยูเวนตุส

ยูเวนตุสพึ่งคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 9 มาครองได้สำเร็จเลยทำให้ทีมกลับไปโฟกัสที่ถ้วย UCL ยูเวนตุสมีประสบการณ์ในการเล่นในรายการนี้เยอะเข้าชิงหลายครั้งแต่ก็ผิดหวังบ่อยในรายการนี้ แต่การมี คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่เป็นตัวเด็ดในรายการนี้ ทำให้ทีมพร้อมเจอกับทุกทีมแต่ด้วยฟอร์มในลีกก่อนปิดฤดูกาลเล่นได้ไม่ค่อยดีมากนัก เลยทำให้เป็นทีมเต็ง 4 ของรายการ

5. เรอัล มาดริด

เจ้าของแชมป์ลาลีก้าสเปนล่าสุดและเจ้าของแชมป์ UCL 13 สมัย ด้วยความมั่นใจของนักเตะในทีมที่พึ่งคว้าแชมป์ลีกมาครองไม่ว่าทีมราชันชุดขาวจะอยู่ในฟอร์มที่แย่ แต่ก็จะถูกวางเป็นเต็งแชมป์ยูฟ่ากชมป์เปี้ยนส์ลีกอยู่เสมอ ด้วยขุมกำลังนักเตะที่นำมาด้วยกองหลังจอมเก๋าอย่าง เซร์คิโอ รามอส กับการคุมทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ราชันชุดขาวพร้อมที่จะต่อกรกับทุกทีมเลยทำให้กลายเป็นเต็ง 5 ของรายการ

เครดิต
The thaiger
Thairath



ถึงเวลาทวงบัลลังก์ : อุลซาน ฮุนได 2020



เป็นเวลาถึง 6 ปีแล้ว ที่ เคลีก เกาหลีใต้ ถูกครอบครองตำแหน่งแชมป์โดยสองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ชนบุค และ เอฟซีโซล ที่ผลัดกันขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์โดยที่ทีมอื่นได้แค่มองดูอยู่ห่าง  


แต่ในปีนี้ ใครที่ผ่านมาเห็นตารางคะแนนของลีกโสมขาวก็คงจะเห็นกันแล้วว่า อุลซาน ฮุนได ยักษ์หลับของลีกทำแต้มขึ้นมาครองจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ ด้วยผลงาน ชนะ 11 จาก 14 เกมในลีก 


ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่พวกเขากลับมาโชว์ผลงานได้ดีอีกครั้ง แต่มันเกิดจากความตั้งใจจริงที่จะพาทีมกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ที่ห่างหายไปตั้งแต่ปี 2005 พวกเขาเริ่มต้นการสร้างทีมด้วยการดึง คิม โด ฮุน เข้ามาคุมทีมในปี 2016


จากนั้นพวกเขาได้ดึงนักเตะเกาหลีใต้ที่ไปเล่นยังต่างแดนกลับมาสู่ทีม ไล่ตั้งแต่ อี ชุง ยอง ปีกตัวเก่งที่เคยเล่นให้คริสตัล พาเลช , ปาร์ค จู โฮ อดีตแบ็คซ้ายดอร์ทมุน , คิม คี ฮี เซนเตอร์แบ็คแชมป์เมเจอร์ลีกอเมริกา และ จุง ซุง ฮุนกองหลังที่คว้าแชมป์ เอเอฟซี กับ คาชิม่า 


นอกจากนี้ยังมีนักเตะดีกรีทีมชาตเกาหลีใต้จากทีมในลีกนำมาโดย โจ ฮยอน อู ผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติที่สร้างชื่อด้วยการเซฟกระจายจากบอลโลก 2018 และ อี ควอน โฮ ปีกตัวเก๋าที่กวาดแชมป์มาแล้วทั่วเอเชีย


โจ ฮยอน อู ผู้รักษาประตูทีมชาติเกาหลีใต้

นอกจากนี้ยังเสริมด้วยตัวต่างชาติที่จะมาเป็นแกนหลักในเกมรับและเกมรุกอย่างละคน โดยเป็น เดฟ บุลต์ฮุยส์ปราการหลังฮอลแลนด์จากเอดิวีซี่ลีก และ กองหน้าอย่าง จูเนียร์ เนเกรา ที่กำลังยิงกระจายกับ แดกู เอฟซี 


เมื่อขุมกำลังแข็งแกร่งแล้ว ก็ถึงเวลาที่ คิม โด ฮุน จะมาผสมผสานส่วนประกอบเข้าด้วยกัน เริ่มจากเกมรับที่ โจ ฮยอนอู เฝ้าเสา เซนเตอร์แบ็ควางให้ บุลต์ฮุยส์ เป็นตัวยืนบัญชาการเกมรับ โดยมี จุง ซุง ฮุน ยืนขนาบข้าง และอาจหมุนเวียนด้วย คิม คี ฮี ในบางนัด


แบ็คขวา,ซ้าย มีแบ็คจอมบุกอย่าง คิม แต ฮวาน และ ปาร์ค จู โฮ ตามลำดับ ซึ่งสองรายนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการวิ่งไม่มีหมดอยู่แล้ว 

ปาร์ค จู โฮ อดีตแบ็คซ้าย ดอร์ทมุน


แดนกลางใช้งาน วอน ดู แจ ดาวรุ่งฟอร์มดียืนมิดฟิลด์ตัวรับ ส่วนมิดฟิลด์ตัวรุกอีก 2 ตำแหน่ง จะมี ยุน บิท กาแรมและ ชิน จิน โฮ กัปตันทีม ทำหน้าที่ปั้นเกมแดนกลาง


ปีกสองข้าง จะมีตัวเลือกทั้ง อี ชุง ยอง , อี ควอน โฮ สองตัวเก๋า รวมถึง คิม อิน ซุง ปีกฟอร์มฮอตให้สลับกันเลือกใช้งาน เพื่อสร้างเกมให้ตัวจบสกอร์อย่าง เนเกรา ที่ปีนี้ทำไปแล้ว 18 ประตู จาก 14 เกมลีก



จูเนียร์ เนเกรา ดาวยิงฟอร์มฮอต

เชื่อเหลือเกินว่าด้วยขุมกำลังสุดแกร่งที่เลือกใช้วิธีดึงตัวเก๋าจากต่างประเทศกลับมารวมตัวกันในเคลีกอีกครั้ง มันจะทำให้พวกเขากลับมาทวงบัลลังก์คว้าแชมป์ลีกไปครองได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 15 ปีแน่นอน !!!


เครดิตภาพ

Ulsan hyundai

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2563

จอมราชัน เซร์คิโอ รามอส


หากพูดถึงกองหลังแห่งยุคคงไม่มีใครไม่พูดถึง เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมแห่งราชันชุดขาวผู้ที่เป็นผู้นำให้กับทีมเป็นผู้ที่ไม่เคยกลัวใครนับตั้งแต่ย้ายมาส่วมเสื้อราชันชุดขาวเมื่อ 15 ปีก่อนด้วยค่าตัว 27 ล้านยูโร จากเซบีย่าในปี 2005 

จากตำแหน่งแบ๊คขวา เซร์คิโอ รามอส ไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์แบ๊คมาตั้งแต่แรกช่วงแรกที่มาอยู่กับ มาดริด เขาเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากโดนเปลี่ยนตำแหน่งในการเล่นอยู่บ่อยครั้ง เขาหาตำแหน่งที่ดีที่สุดให้กับรามอสไม่ได้และสุดท้ายรามอสก็สู้กับแรงกดดันได้สำเร็จด้วยผลงานในทุกวันนี้มันพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่ไม่กลัวความผิดพลาดและเชื่อว่าทุกสิ่งทำให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง

รามอส คือผู้เล่นคนหนึ่งที่เอาชนะความกดดันเก่งมากจากการที่ขยับเข้ามาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ลบคำสบประมาทของคนที่วิจารณ์เขาจนกลายมาเป็นกองหลังที่ดีที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปี 2020 เขาได้พัฒนาในหลายๆด้านทั้งเรื่องยิงจุดโทษ ยิงฟรีคิก และเรื่องร่างกายที่มีความแข็งแกร่งขึ้นมาก 

แม้ในวัย 34 ปี เขายังสามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลสมัยใหม่ได้ดีกองหลังต้องครองบอลได้ดี ออกบอลได้ดี จุดเด่นของรามอสคือการเล่นลูกกลางอากาศ และอีกอย่างคือ การขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในการสังหารจุดโทษของทีม 

ความเป็นผู้นำของทีมเขาเป็นคนที่กล้าชนกับปัญหา เขาเป็นคนที่ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นทำให้น้องๆในทีมนับถือเขามาก เมื่ออยู่ในสนามรามอสจะเป็นผู้นำที่ดุดันจะเห็นแอ็คชั่นต่างๆ ของรามอสได้ในสนาม เขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะของทีม

รามอส เป็นนักเตะอีกคนที่สามารถคว้าแทบทุกแชมป์บนโลกใบนี้มาครอบครองแล้ว ถือว่าเขาเป็นนักเตะกองหลังที่ประสบความสำเร็จในอาชีพมากที่สุดคนหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ คว้าแชมป์กับทีมชาติ คว้าแชมป์กับสโมสรทุกแชมป์ที่ลงแข่งขัน เมื่อเขาเลิกเล่นรามอสจะกลายเป็นตำนานของทั้งทีมชาติและสโมสร เรอัล มาดริด อย่างแน่นอนและจะเป็นนักเตะที่ผู้คนพูดถึงไปอีกนาน

เครดิต
Rreal Madrid C.F.

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563

5 เหตุผลที่ทำให้ “แข้งเทพ” ยังคงเป็นเต็ง 1 ของไทยลีกปีนี้


แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ทปีนี้ได้อย่างสวยหรูด้วยชัยชนะ 4 นัดรวด และขึ้นนำจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆซึ่งในตอนนั้นใครหลายคนก็ต่างบอกว่าพวกเขาคือเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ไทยลีกในปีนี้


จนเมื่อมีการพักเบรคจากเหตุการณ์ โควิด-19 และมีการเปิดตลาดนักเตะรอบพิเศษ ทำให้เราได้เห็นสองทีมเจ้าบุญทุ่มอย่าง การท่าเรือ และ บีจีปทุม จนหลายคนก็เริ่มจะเสียงเปลี่ยนมายกธงให้ทีมดังจาก คลองเตย และ คลองสาม เป็นตัวเต็งในปีนี้


แน่นอนการเสริมทัพจะทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น แต่การที่ไม่เสริมเลยของ “แข้งเทพ” ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้พวกเขาลดประสิทธิภาพลง และมันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีดีอยู่แล้วจนไม่จำเป็นต้องใช้บริการตลาดรอบนี้



ความพร้อมนอกสนาม


แน่นอนว่าทรูบียูถือเป็นทีมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบถ้วนที่สุดทีมนึงในแผ่นดินไทย ทั้งสนามซ้อมที่สวยงามและคลับเฮ้าส์ของสโมสรที่มีทั้ง ฟิตเนส โภชนาการ และ สันทการ ไว้ให้กับนักเตะทั้งหลาย ไหนจะโรงแรมชั้นเยี่ยมทุกการเก็บตัว การลดระยะทางการเล่นเกมเยือนด้วยเครื่องบินในจังหวัดที่ไกลๆ แม้แต่รถบัสของทีมยังมีถึง 2 คันด้วยกัน นับว่าเป็นทีมที่ใส่ใจกับรายละเอียดเหล่านี้ได้ดีมากๆ



ความฟิต


ในช่วงเลก 2 ของฤดูกาลก่อน แข้งเทพ มีนักเตะบาดเจ็บรวมกว่าครึ่งทีมจนทำให้ผลงานต้องดิ่งลงไป ทำให้ทีมมองว่าปัญหาไม่ใช่ตัวโค้ช แต่อยู่ที่ความฟิตและสภาพร่างกายของนักเตะมากกว่า ทำให้ในปีนี้ทีมไปดึงเอา โรดริโก้ สกีนัลลี่ โค้ชฟิตเนสชาวบราซิล ที่มีประสบการณ์มากมาย และเคยทำงานร่วมกับสโมสรชื่อดังมาแล้วหลายแห่งทั้งในลีกบราซิล และลีกเกาหลีใต้ 



ซึ่งผลงานของเขาในช่วงต้นปีกับ ทรู ก็ถือว่าดีทีเดียว นักเตะหลายรายออกมายอมรับว่า “โหดจริง” ในเรื่องของการเทรนฟิตเนส อย่างด้านของของ “แคมป์” สรรวัชญ์ เดชมิตร ออกมาพูดติดตลกเลยว่า “ถ้าโค้ชมาเร็วกว่านี้ ผมไปลาลีกาแล้ว” 


ก็ไม่แน่ว่า “ความฟิต” อาจจะเป็นกุญแจสำคัญสู่แชมป์ของพวกเขาก็เป็นได้


เกมรับที่ถูกขันน็อต


ในช่วงปีที่ผ่านมา มานูเอล ทอม สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นปราการหลังคนไทยที่ดีที่สุดในพศ.นี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งผลลัพธ์มันก็ต่อเนื่องมาถึงในสโมสรที่เจ้าตัวจับคู่กับ เอฟเวอร์ตัน เซ็นเตอร์แบ็คที่มีความครบเครื่องที่สุดในลีก ทั้งทางบอลความเร็ว ลูกกลางอากาศ และการขึ้นเกมอีก เมื่อรวมเข้ากับ ไมเคิล ฟาลเคสการ์ด ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในลีก ก็ถือเป็นกำแพงเกมรับเลยก็ว่าได้


และที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนของการดีเลย์ก่อนถึงแผงหลัง ด้วยการได้ ฮาจิเมะ โฮโซไก มายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ แถมมาโน่ยังเลือกใช้ แอนโทนี่ กลางเชิงรับจอมขยันลงมาอีกคน แสดงให้เห็นถึงการเน้นเกมรับและรัดกุมขึ้นมากทีเดียวหากเทียบกับสไตล์เดิมๆของ มาโน่ โพลกิ้ง


แนวรุกหลากหลาย


แนวรุกพวกเขายังมี วานเดอร์ หลุย และ อานนท์ สองแข้งสายพริ้วตัวทำเกมอยู่ แต่เสริมสไตล์ใหม่ด้วย บริสเนอร์ กองหน้าโปรไฟล์แจ่มจากบราซิลรูปร่างสูงใหญ่ ที่อาจมาเพิ่มอาวุธด้วยลูกกลางอากาศมากขึ้น รวมถึงกองหน้าไทยหลากหลายเจนเนอเรชั่นและสไตล์การเล่น ตั้งแต่ ชนานันท์ , ณัฐวุฒิ และ กัณพล ที่พร้อมรอให้เลือกใช้งาน


ส่วนกลางตัวรุก มาโน่ เลือกใช้งาน ปกเกล้า อนันต์ ลงเล่นก่อน ด้วยความขยันในเกมรับ และเซนท์บอลในเกมรุกที่ทันกัน วานเดอร์ แต่หากต้องการตัวเลือกอื่นก็ยังมี สรรวัชญ์ เเข้งจอมคลาสสิค รวมถึง รุ่งรัตน์ ปีกความเร็วสูงอีกราย 



เวลาสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์


แน่นอนว่าพวกเขาถือเป็นทีมที่น่าผิดหวังมากสุดทีมนึง นับตั้งแต่พวกเขายกระดับทีมขึ้นมาลุ้นแชมป์ มาโน่และลูกทีมผ่านการเป็นรองแชมป์ใน เอสซีจี เมืองทอง การเบียดลุ้นแชมป์กับบุรีรัมย์ และการพ่ายแพ้ในนัดชิงฟุตบอลถ้วย จนปัจจุบันทีมใหญ่หน้าใหม่อย่าง เชียงราย ก็ยังกวาดแชมป์นำหน้าไปแล้วทุกรายการ


แต่นั่นก็ทำให้ พลพรรคแข้งเทพ มีประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์มากขึ้น และมีมากกว่าทีมเต็งทีมอื่นในปีนี้อย่าง การท่าเรือ และ บีจี แน่นอน รวมถึงความสัมพันธ์ของการเล่นร่วมกันที่แข้งตัวหลักหลายคนเล่นด้วยกันมานานทีเดียว 


เครดิตภาพ

True bangkok united