วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

8 นักกีฬาที่ทำเงินมากที่สุดในปี 2020

หากจะพูดถึงอาชีพที่มีรายได้สูงคงมีไม่กี่อาชีพหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มอาชีพนักกีฬาหากขึ้นชื่อว่านักกีฬาโดยเฉพาะนักกีฬาที่โด่งดังระดับโลกย่อมมีรายได้ที่มหาศาลมากๆ 

นักกีฬาอาชีพจะได้รายได้หลักคือค่าเหนื่อยหรือเงินเดือน แล้วก็จากค่าลิขสิทธิ์ ค่าภาพลักษณ์ ค่าสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาสนับสนุนนักกีฬา ซึ่งอาจจะได้มากกว่าเงินรางวัลจากการแข่งขัน จึงทำให้นักกีฬามีรายได้อย่างมหาศาล การเปิดเผยรายได้ของนักกีฬาทำให้นักกีฬาเป็นหนึ่งในอาชีพที่ทุกคนใฝ่ฝัน ได้จัดอันดับ 8 นักกีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดในปี 2020


1. โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ นักเทนนิส ทำรายได้ในปีที่ผ่านมา 106.3 ล้านดอลลาร์ (3,401 ล้านบาท) นอกจากได้รายจากการแข่งขันแล้วยังได้รายได้จากสปอนเซอร์อย่าง ยูนิโค่ ที่จ่ายค่าพรีเซนเตอร์ปีละ 30 ล้านดอลลาร์ ( 960 ล้านบาท) นอกจากนั้นยังเป็นนักเทนนิสคนแรกที่เข้ามาติดโผในอันดับที่ 1 อีกด้วย


2. คริสเตียโน่ โรนัลโด นักฟุตบอลกัปตันทีมชาติโปตุเกสทำรายได้ในปีที่ผ่านมาถึง 105 ล้านดอลลาร์ (3,360 ล้านบาท) เจ้าตัวยังมีรายได้ทั้งในและนอกสนามโดยค่าเหนื่อยต่อปีรวมแล้ว 64 ล้านดอลลาร์ (2,048 ล้านบาท) โรนัลโดเป็นนักกีฬาที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลกถึง 200 ล้านคนทั่วโลก โดยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าโฆษณาและพรีเซนเตอร์จากไนกี้ที่มีสัญญาตลอดชีวิต


3. ลีโอนีล เมสซี่ นักฟุตบอลกัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ทำรายได้รวมถึง 104 ล้านดอลลาร์ (3,328 ล้านบาท ) และได้รับค่าเหนื่อยถึงปีละ 80 ล้านดอลลาร์ (2,560 ล้านบาท) ที่เหลือเป็นรายได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์ให้อดิดาส และค่าโฆษณาสินค้าต่างๆ


4. เนย์มาร์ นักฟุตบอลชาวบราซิลของทีม ปารีแซ็งแฌร์แม็ง (PSG) ที่ทำรายได้ปีที่ผ่านมา 95.5 ล้านดอลลาร์ (3,056 ล้านบาท ) โดยรายได้ส่วนใหญ่ที่เนย์มาร์รับเป็นค่าเหนื่อยกับทีม PSG และมีรายได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับไนกี้และค่าสิขสิทธิ์จากภาพยนตร์ที่นำเรื่องส่วนตัวของเนย์มาร์ไปทำเป็นหนัง


5. เลบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอล NBA ทีม Los Angeles Lakers ด้วยการเป็นนักบาสยอดฝีมือที่หลายๆทีมต้องการตัวทำรายได้ในปีที่ผ่านมา 88.2 ล้านดอลลาร์ (2,822 ล้านบาท ) นอกจากที่เป็นนักบาสซุปเปอร์สตาร์แล้วเจ้าตัวยังมีธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย


6. สตีเฟ่น เคอร์รี่ นักบาสเกตบอลของทีม Golden State Warriors พอยต์การ์ดสตาร์ดังใน NBA จอมแม่นห่วง 3 แต้มปีที่ผ่านมาทำรายได้ถึง 74.4 ล้านดอลลาร์ (2,380 ล้านบาท ) โดยรายได้ที่เหลือมาจากธุรกิจส่วนตัว


7. เควิน ดูแรนท์ นักบาสเกตบอลของทีม Brooklyn Nets เป็นนักบาสเกตบอลNBA อีกคนที่มีรายได้สูงในปีที่ผ่านมาทำรายได้ถึง 63.9 ล้านดอลลาร์ (2,044 ล้านบาท) และดูแรนท์ยังมีรายได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าถึง 40 ชิ้นถือว่าเป็นนักกีฬาอีกคนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก


8. ไทเกอร์ วูดส์ อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกถึงแม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้เป็นมือหนึ่งของโลกแต่เจ้าตัวก็ยังทำรายได้ในปีที่ผ่านมา 62.3 ล้านดอลลาร์ (1,993 ล้านบาท) ไทเกอร์ วูดส์ ได้ทำเงินรางวัลจากกีฬากอล์ฟไปแล้วถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (48,000 ล้านบาท) และยังได้รับรายได้จากสปอนเซอร์อย่างไนกี้ถือว่ายังเป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่ได้รับรายได้เยอะอันดับต้นๆ ของโลก

เครดิต 
Line today
Thairath

อัตชัย : ปัณณ์กฤษฎ์ พงศโอสธี
ผู้เขียน




ทำเนียบนักเตะเอเชียที่คว้าเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีก


 

หงส์แดงลิเวอร์พูล ประกาศศักดาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษสมัยแรกได้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกเลือดซามูไรสถาปนาตนขึ้นเป็นนักเตะเอเชียอีกคนที่คว้าแชมป์ลีกแดนผู้ดีได้สำเร็จ

 

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับลีกที่ขึ้นชื่อว่าเคี่ยวที่สุดแบบนี้ กับการที่จะได้เห็นนักเตะเอเชียไปโลดแล่นในสนามของพรีเมียร์ลีกก็นับว่ายากแล้ว นับประสาอะไรกับการคว้าแชมป์ ที่จะต้องอาศัยทั้ง ฝีเท้า จังหวะเวลา และโชคชะตา อีกด้วย

 

ส่วนก่อนหน้านี้หละ มีนักเตะเอชียคนไหนที่เคยได้รับเหรียญรางวัลไปแล้วบ้าง

 

พาร์ค จี ซอง (เกาหลีใต้)

 

คว้าแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 สมัย (2006-07,2007-08,2008-09,2010-11)

 

มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ ดีกรีกัปตันทัพโสมขาว ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกนานกว่า 7 ฤดูกาล ในช่วงปี 2005 – 2012 โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เจ้าตัวลงสนามไปกว่า 153 นัด ทำไปได้ 20 ประตู กับ 25 แอสซิสต์ และคว้าแชมป์ไปได้ถึง 4 สมัยด้วยกัน

 

และปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังครองสถิติเป็นผู้เล่นเอเชียคนแรกที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก , ผู้เล่นเอเชียที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด และ เล่นเอเชียคนแรกที่คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก รวมถึง แชมป์สโมสรโลก

 

และแน่นอนเขาคือ “ผู้เล่นเอเชียที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก” ที่มีการจัดโหวตไปเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

ชินจิ คางาวะ (ญี่ปุ่น)

 

คว้าแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 สมัย (2012-13)

 

เพลเมกเกอร์ตดาวเด่นของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถูก “ปีศาจแดง” ซื้อตัวไปด้วยราคา 16 ล้านยูโร ในหน้าร้อนปี 2012 ก่อนจะมีส่วนร่วมกับทีมไป 20 นัด ทำไป 6 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ และคว้าแชมป์ลีกได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกนั้นเลย

 

ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือจะวางมือลงไป และทำให้ ชินจิ ได้รับโอกาสน้อยลงจนย้ายออกไปในที่สุด

 

ชินจิ โอกาซากิ (ญี่ปุ่น)

 

คว้าแชมป์กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1 สมัย (2015-16)

 

ดาวยิงร่างเล็กที่ระเบิดฟอร์มในบุนเดสลีก้า เยอรมัน ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในพรีเมียร์ลีก ดึงตัวไปร่วมทีมโดยหวังเพียงว่าจะช่วยกันพาทีมอยู่รอดบนลีกสูงสุด

 

แต่ในฤดูกาลนั้นเองมันก็เกิดปรากฏการณ์ที่ชื่อว่า “เทพนิยายเลสเตอร์” ซึ่งทัพจิ้งจอกสามารถคว้าแชมป์ลีกปีนั้นไปแบบชนิดที่สร้างความตะลึงไปทั่วโลก โดยตัวของ โอกาซากิ ก็มีบทบาทเป็นถึงกองหน้าตัวจริงของทีม โดยมีหน้าที่คอยไล่เพรสคู่แข่ง เชื่อมเกม และอำนวยความสะดวกในการจบสกอร์ของคู่หูอย่าง เจมี่ วาร์ดี้

 

แต่กระนั้นเอง เจ้าตัวก็ยังทำไปถึง 5 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ จาก 2,069 นาทีในสนาม พร้อมแจ้งเกิดร่วมกับนักเตะเลสเตอร์คนอื่นๆ

 

ทาคุมิ มินามิโนะ

 

คว้าแชมป์กับ ลิเวอร์พูล 1 สมัย (2019-20)

 

ดาวเตะตัวสำคัญของ เรดบลู ซัลบวร์ก ชุดประวัติศาสตร์ ที่พาทีมมาลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ถึงถิ่นแอนฟิลด์ ทำให้ฟอร์มอันจัดจ้านไปเข้าตา เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดงทีมเจ้าถิ่น ก่อนจะมีการติดต่อกันจริงจังจนทำพามาถึงการหอบเงิน 8.5 ล้านยูโรไปแลกตัวเจ้าหนุ่มจอมคาดผมคนนี้มา

 

ซึ่งการมาในช่วง “กลางคัน” แบบนี้ทำให้เจ้าตัวต้องปรับตัวยากขึ้น ในเมื่อทีมเดิมเขาเล่นกันดีอยู่แล้ว เราก็ทำได้เพียงนั่งรอโอกาส แต่ คล็อปป์ ก็พยายามให้โอกาส มินามิโนะ ลงไปสัมผัสเกมอยู่เป็นพักๆ

 

ทว่าถึงจะไม่ได้มีส่วนร่วมสำคัญกับทีมมากมาย แต่การลงสนามของเขาในตอนนี้มันก็ครบ 5 นัดไปแล้ว ซึ่งจะทำให้เขาคว้าเหรียญแชมป์กับทีมแน่นอน และเชื่อว่าจากการดูแลของกุนซือจอมใส่หมวกนั้น ปีหน้าจะเป็นปีที่ดีของเด็กหนุ่มจากเมืองโอซาก้าแน่นอน !!!


เครดิตภาพ
foxesofleicester
Planet football
stretty news
bleacherreport


PALM WAZZA : ธนชล เอ่งฉ้วน

ผู้เขียน


วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563

“พี่โย่” หนุ่มหล่อ ดีกรีนักกีฬาฟุตบอลมหาวิทยาลัยรังสิต และนักศึกษาสาขานิเทศศาสตร์การกีฬา รุ่นที่ 5

วันนี้เพจ SPC-X จะมาแนะนำหนุ่มหล่อ ดีกรีนักกีฬาฟุตบอลมหาวิทยาลัยรังสิต และยังเป็นนักศึกษาสาขานิเทศศาสตร์การกีฬา รุ่นที่ 5 อีกด้วย

 

นายเดชา มูฮัมหมัด หรือ “พี่โย่”          

 

อดีตนักฟุตบอลที่เล่นให้สโมสรชื่อดังในไทยลีคและในปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นปีที่4 สาขานิเทศศาสตร์การกีฬา วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยความที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอล และยังเป็นหนุ่มหล่อ เราจึงสนใจที่จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับแนวคิด การเรียน และการใช้ชีวิต และความฝันของพี่โย่

 

มาเล่นฟุตบอลกับทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ยังไง

:มาเล่นฟุตบอลกับทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้เพราะมาคัดทุนฟุตบอลครับแล้วก็ได้รับโอกาสเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิตครับ

 




เป็นนักกีฬาแบ่งเวลาเรียนกับการเล่นกีฬายังไง

:การเป็นนักฟุตบอลกับการเรียนเป็นของที่บางคนบอกว่าทำยาก แต่จริงๆแล้วมันก็ยากครับแต่ถ้าเราตั้งใจจะทำอะไรแล้วเราต้องทำให้ได้ครับเรียนได้ก็ต้องเล่นได้ เล่นได้ก็ต้องเรียนได้ ช่วงแรกๆผมก็จะลงเรียนช่วงเช้าช่วงเที่ยง เพื่อที่จะมีเวลาว่างตอนเย็นไปซ้อมฟุตบอลครับ แต่หลังๆมานี้ก็เหลือตัวเรียนแต่ตอนเย็นก็มีซิกแซคบ้างครับ คุยกับอาจารย์ตรงๆให้เค้าช่วยเหลือเราไม่ได้ช่วยให้คะแนนนะครับ แต่อาจจะไปเรียนแต่ออกไวหน่อยส่วนเรื่องงานก็ต้องขยันตามงานครับ จนผมก็ผ่านมาได้หมด สุดท้ายแล้วเรียนคู่เล่นมันสามารถทำได้ครับอยู่ที่ว่าจะทำหรือป่าว ถ้าเรามีวินัยมันก็ไม่มีปัญหาครับ


ถ้าในวันนั้นพี่มีแข่ง แล้วไม่ได้มาเรียน มีเพื่อนช่วยตามงาน หรือ อาจารย์ช่วย ยังไง

ถ้าต้องไปเล่นบอลไปซ้อมบอลอาจารย์ก็ดูแลดีมากครับอาจารย์ในสาขาเข้าใจแล้วยินดีให้เราไปครับ แต่ถ้ามันสำคัญต้องอยู่จริงๆก็อาจจะต้องไปซ้อมสายหน่อย แต่ไปทันตลอดครับอาจารย์จะคอยดูแลเรื่องนี้ครับขอแค่เราแจ้งเขาเขาจะจัดการให้ครับบางครั้งก็มีสอบคนเดียวบ้างทำงานอย่างอื่นบ้างครับโชคดีของผมครับ ส่วนเพื่อนก็ช่วยเหลือตลอดครับงานไหนผมขาดเพื่อนก็คอยบอกคอยช่วยเหลือเสมอบางครั้งทำให้ก็มีครับถือว่าโชคดีของผมมากๆครับที่ได้เรียนในสาขานี้และเจอเพื่อนที่ดีๆครับ

 

แมตซ์การแข่งขันที่ประทับใจ

:แมตซ์ที่ประทับใจที่สุดในชีวิตก็แมตซ์ที่ลงเล่นเจออยุธยายูไนเต็ดใน T2 ปี2019 ตอนนั้นผมเล่นอยู่ไทยยูเนียน สมุทรสาคร เอฟซี วันนั้นทีมผมชนะ 2-0 ที่บ้านอยุธยา ซึ่งผมทำผลงานได้ดีในตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยเล่นมาก่อนนั่นคือวิงแบ๊คซ้ายครับ



ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้าง

:ผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่จบมอ 6 จนถึงปัจจุบัน

- แชมป์ฟุตบอลกองทัพอากาศ 18 ปี ควบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของรายการ

- อยู่กับแอร์ฟอร์ซ 2016-2018

ปี 2018 ได้มีชื่อในไทยลีกครั้งแรกในชีวิต

- 2018 เลคสอง กลับมาช่วยทีมมหาลัยรังสิตรอดตกชั้น

- 2019 อยู่กับไทยยูเนียนสมุทรสาคร เอฟซี T2

- 2020 อยุธยา ยูไนเต็ด T2

-ในนามมหาลัย

รองแชมป์ยูลีก ปี2018



ในอนาคตพี่วางแผนอยากจะทำอะไร

            :ในอนาคตหลังจากเรียนจบก็วางแผนว่าอยากจะเล่นบอลต่อไปให้สุดๆ แต่สุดท้ายแล้วชีวิตเราก็ไม่มีอะไรแน่นอนถ้ามีงานที่มั่นคงก็อาจจะไปทำงาน แต่ฟุตบอลคงไม่ทิ้งคงเล่นฟุตบอลจนกว่าจะเล่นไม่ไหวครับ

 

ทำความรู้จักกับ พี่โย่” ในบทบาทนักศึกษาและนักกีฬาไปแล้วและได้เห็นการใช้ชีวิต แนวคิดของพี่เขาไปแล้ว เป็นยังไงกันบ้าง สำหรับใครที่อยากติดตามพี่โย่ ก็สามารถติดตามได้ที่ Instagram : yodechaa Facebook: Yo Decha ครั้งหน้าเราจะพาไปทำความรู้จักกับใคร รอติดตามกันในเพจ SPC-X ฝากกดไลค์ กดติดตาม กันด้วยนะคะ


5 เหตุการณ์เหยียดในโลกลูกหนัง

การเหยียดในโลกกีฬาฟุตบอลเป็นของคู่กันที่ไม่มีทางแก้ปัญหาได้มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันด้วยเหตุที่มาจากสีผิวที่แตกต่างกันทำให้เกิดการดูถูกเหยียดหยาม ปัญหาการเหยียดเกิดขึ้นทุกทั่วมุมโลกแม้ในปัจจุบันอาจจะลดลงไปบ้างแต่ก็มีให้เห็นอยู่เลยๆ แม้จะมีการรณรงค์

วันนี้จะพามาย้อนเหตุการณ์เหยียดในโลกของกีฬาลูกหนังโดยทั้งการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ เหยียดศาสนา เช่น คนตะวันตกเหยียดคนเอเชียที่เป็นพวกผิวเหลือง คำด่ายกตัวอย่างเช่น ไอ้ดำ ลิง ไอ้แขก ที่เล่ามาล้วนแต่เป็นคำเหยียดทั้งนั้น



1. จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมเซลซีได้ใช้คำด่า “ไอ้ดำ “ ใส่แอนตัน เฟอร์ดินานด์ กองหลังของควีนส์ปาร์กหลังจากนั้นก็ได้เป็นเรื่องราวใหญ่โต สมาคมฟุตบอลอังกฤษได้โทษแบนจอห์น เทอร์รี่ 4 นัด ในความผิดจริงฐานเหยียดสีผิว แอนตัน เฟอร์ดินานด์ หลังจากนั้นจอห์น เทอร์รี่ ก็ได้ออกมาขอโทษต่อหน้าทุกคนกับภาษาที่ใช้ในเกมยอมรับว่ามันไม่ควรใช้ทั้งในและนอกสนาม



2. โอซิล ประกาศเลิกเล่นให้ทีมชาติเยอรมันเหตุมาจากการโดนเหยียดเชื้อชาติที่เขาเป็นชาวเยอรมันที่มีเชื้อสายตุรกี โอซิลถูกวิจารณ์อย่างมากถึงการถ่ายภาพร่วมกับประธานาธิบดีตุรกี ผู้นำทางการเมืองที่มีปัญหามนุษยชน ทำให้ชาวเยอรมันไม่พอใจกับเจ้าตัว นี้เป็นการเหยียดเชื้อชาติและไม่ให้เกียรติกันทำให้โอซิลเลือกที่จะเลิกเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน



3. ปี 2014 ดานี อัลเวส ถูกแฟนบอลบียาร์เรอัลโยนกล้วยลงมาในขณะที่เจ้าตัวกำลังจะเตะมุมโดยเป็นการเหยียดเชื้อชาติแต่ดานี อัลเวสตอบกลับด้วยการหยิบกล้วยนั้นมากินการตอบโต้ของอัลเวสไพ้จุดกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิว เชื้อชาติ ในโลกลูกหนังโดยมีเพื่อนร่วมอาชีพได้ถ่ายรูปกินกล้วยเพื่อให้กำลังใจกับดานี อัลเวส



4. มาริโอ บาโลเตลี่ กองหน้าตัวเกรียนขณะเล่นให้กับนีซทีมในลีกเอิงฝรั่งเศสถูกแฟนบอลคู่แข่งร้องเพลงเหยียดผิวโดยแฟนบอลฝั่งตรงข้ามร้องเพลงเลียนแบบเสียงลิงและในตอนที่กลับมาเล่นในอิตาลีบาโลเตลี่ก็โดนเหยียดผิวด้วยการกระทำแบบนี้ทำให้โลกลูกหนังกำลังดูแย่การรณรงค์ไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรือ



5. ในปี 2011 ในเกมแดงเดือดระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพบกับลิเวอร์พูลคู่ปรับตลอดกาลโดยปาทริช เอวร่าร้องต่อสมาคมฟุตบอลอังกฤษว่าซัวเรสได้ใช้คำพูดว่า นิโกร ใส่เอวร่าโดยเป็นการเหยียดเชื้อชาติเป็นอย่างมากโดยทางสมาคมอังกฤษสั่งแบนซัวเรสเป็นเวลา 8 นัด

เครดิตภาพ
Thairath
workpointtoday


อัตชัย : ปัณณ์กฤษฎ์ พงศโอสธี
ผู้เขียน


วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563

“เราจะคว้าแชมป์โลกภายในปี 2050” เป้าหมายที่จีนอยากให้เป็นจริง



หากเอ่ยถึงวงการกีฬาของจีน ทุกคนก็คงจะจินตนาการได้ถึงภาพของการเป็นเจ้าเหรียญทองในการแข่งขันมหกรรมกีฬาต่างๆ ทว่าในกีฬามหาชนอย่าง “ฟุตบอล” ผลงานของแข้งแดนมังกรกลับไม่เป็นเช่นนั้น

 

แต่เมื่อไม่นานมานี้ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของประเทศได้ออกมาประกาศนโยบายสำคัญว่าต้องการจะเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกและคว้าแชมป์โลกให้ได้ก่อนปี 2050 ตามความชื่นชอบส่วนตัวที่มีต่อกีฬาลูกหนังเป็นอย่างมาก

 

แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามั่นใจถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ พวกเขาจะอาศัยแต่แข้งโอนสัญชาติใช่ไหม พวกเขามีแนวทางอย่างไร มีแนวปฏิบัติอย่างไร ถึงเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าภายในระยะเวลาประมาณ 30 ปีข้างหน้านี้ มันคืออะไรกันแน่หละ?

 

แข้งเชื้อสายจีน

 

แนวคิดเรื่องการใช้นักเตะต่างชาติถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ มาร์เชลโล ลิปปี ยื่นต่อทางการจีน ในการที่จะให้เขากลับมาคุมทีมชาติจีนอีกคำรบหนึ่ง

 

โดยเริ่มแรก นิโก้ เยนนาริส อดีตเยาวชน อาร์เซน่อล และ ทีมชาติอังกฤษ ยู-19 ถูก ปักกิ่ง กั๋วอั่น ทีมดังจากเมืองหลวงนำเข้ามาด้วยเงื่อนไขที่เขามี “แม่เป็นคนจีน” พร้อมด้วย จอห์น ฮู เซเตอร์ มิดฟิลด์จากนอร์เวย์ ที่ใช้เงื่อนไขเดียวกัน

 

ไทอัส บราวนิ่ง ในชุดกวางโจว

ต่อมายักษ์ใหญ่อย่าง กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ก็ได้เซ็นกับ ไทอัส บราวนิ่ง ปราการหลังที่ทาง เอฟเวอร์ตัน ปั้นไม่ขึ้น โดย บราวนิ่ง เคยเล่นให้ทีมชาติอังกฤษในชุดเยาวชน แต่การที่เขามี “ปู่เป็นชาวจีน” ก็ทำให้เขาเลือกมาค้าแข้งและติดธงยังแผ่นดินมังกร

 

เท่ากับว่า 3 แข้งเชื้อสายยุโรปก็จัดอยู่ในประเภท “ลูกครึ่ง” มากกว่าโอนสัญชาติ เพียงแต่ด้วยกฎหมายของประเทศจีน ประชาชนจะต้องถือพาสปอร์ตได้เพียงชาติเดียว ทำให้พวกเขาเหล่านี้ต้องสละสัญชาติเก่าออกไปด้วย

 

สละสัญชาติเดิม

 

ขั้นต่อมานี้ จะนับเป็นกลุ่มที่ใช้คำว่า “โอนสัญชาติ” ได้เต็มปาก โดยจะเป็นแข้งต่างชาติที่ทำผลงานได้ดีในลีกของจีน และต้องทำงานในประเทศจีนมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี และแน่นอนพวกเขาจะต้อง “สมัครใจ” ที่จะเลือกสละสัญชาติเดิม เพื่อเปลี่ยนมาเป็นประชาชนจีนอย่างถาวร

 

นอกเหนือจากนี้พวกเขายังต้องเข้าคอร์สติวภาษาจีน , ร้องเพลงชาติจีน และ ศึกษาประวัติศาสตร์ของแดนมังกร อีกด้วย ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ คุณเป็นใครที่ไหน จะมาโอนสัญชาติเพื่อมาขอเล่นทีมชาติจีนได้โดยง่าย แต่คุณจะต้องเต็มใจที่จะเป็น “คนจีน” ทั้งกายและใจ

 

ในกลุ่มแรกตอนนี้ ก็จะเป็นแข้งบราซิลทั้งหมด เนื่องจากเป็นเป้าหมายหลักของสโมสรจีนในการนำเข้าแข้งต่างชาติเมื่อ 5-7 ปีก่อน โดยคนแรกคือ เอลเคสัน กองหน้าเจ้าของสถิติ 106 ประตู จาก 159 นัดใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก ซึ่งเขาก็ได้ลงสนามให้ทีมชาติในรายการคัดบอลโลก โซนเอเชีย ไปแล้ว 1 นัดด้วยกัน

 

ส่วนชุดถัดไปที่เพิ่งได้รับการอนุมัติหรือกำลังรอการอนุมัติจากฟีฟ่าก็คือ อลอยซิโอ และ อลัน คาวัญโญ่ สองกองหน้าตัวเก่ง รวมถึง ริคาร์โด้ กูลาร์ท ตัวรุกระดับตำนานของกวางโจว และ แฟนันตินโญ่ ปีกความเร็วสูง

 

ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะพร้อมลงสนามในโปรแกรมนัดถัดไปของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย โดยพวกเขาก็หวังจะมาผนึกกำลังกับ จาง หลินเผิง ปราการหลักตัวเก่ง และ อู่ เล่ย นักเตะลาลีก้า สองกำลังสำคัญเพื่อพาจีนลุ้นตั๋วไปฟุตบอลโลกรอบนี้ให้ได้

 

ใจบันดาลแรง

 

แน่นอน บรรดานักเตะชุดนี้ก็ยังดูห่างไกลกับเป้าหมายหลักของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาจะได้กลับมาหากชุดนี้สามารถโชว์ฟอร์มได้ดี ก็คือการ “ปลุกกระแส” ความหลงใหลในกีฬาลูกหนังของเยาวชนจีน ที่ปัจจุบันนี้เด็กเหล่านั้นยังสนใจในกีฬาอย่าง ปิงปอง หรือกีฬาอื่นๆ มากกว่า

 

นี่แหละคือแผนระยะยาวที่พวกเขาคิดเอาไว้ เมื่อลีกฟุตบอลในประเทศยกระดับด้วยแข้งต่างชาติชื่อดังจนมีค่าสัมประสิทธิ์เป็นเบอร์ 1 ของเอเชีย รวมถึงทีมชาติที่ยกระดับด้วยแข้งโอนสัญชาติ มันก็คงจะมากพอ บันดาลให้ใจของเด็กรุ่นใหม่หันมารักในกีฬาฟุตบอลมากขึ้นได้แน่นอน

 

และเมื่อมี “แรงบันดาลใจ” ที่ดีแล้ว สิ่งที่ต้องมาคู่กันก็คือ “การลงมือทำ”

 

พวกเขาเริ่มวางรากฐานตั้งแต่นโยบายสนันสนุนให้ภาคธุรกิจต่างๆ หันมาลงทุนกับฟุตบอล จนเป็นที่มาของการที่ทีมใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก มีเงินทุนหนุนหลังมหาศาลและนำเข้านักเตะระดับโลกมากมายในรอบ 10 ปีหลัง

 

โรงเรียน​ฟุตบอล​เอเว​อร์แกรนด์

นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังวางนโยบายมาตั้งแต่ปี 2016 ยังมีโดยการเริ่มอบรมโค้ชอย่างถูกวิธี เริ่มสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลและโรงเรียนฟุตบอลให้กระจายไปในทุกๆ เมือง เป็นจำนวนกว่า  3,000 แห่งทั่วประเทศ และตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประชากรที่เป็นนักฟุตบอลอีก 50 ล้านคน รวมถึงนักเรียนที่เรียนด้านฟุตบอลโดยตรงอีก 30 ล้านคน

 

สนามฝึกซ้อมของ ต้าเหลียน

ซึ่งการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี ได้ฝึกฝนฟุตบอลที่ถูกต้องตามหลักการ ได้ใช้สิ่งอำนวนความสะดวกและสนามที่มีมาตรฐาน มันจะทำให้ “มังกรเลือดใหม่” มีโฉมหน้าที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน

 

ผังสนามฟุตบอลพร้อมห้างฯเมืองชีอาน

ตอนนี้พวกเขาก็ยังเริ่มเดินหน้าสร้างสนามแข่งขันไร้ลู่วิ่งตามหัวเมืองใหญ่แล้วด้วย โดยเป้าหมายแรกคือการใช้รองรับ “เอเชี่ยนคัพ 2023” ก่อนจะส่งมอบให้สโมสรต่างๆ ใช้งานต่อไปและอาจต่อยอดถึงเป้าหมายการเป็น “เจ้าภาพฟุตบอลโลก” ตามที่คาดหวังไว้ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน


เครดิตภาพ

เพจเล่าเรื่องบอลจีน

bestthqwalpaper



PALM WAZZA : ธนชล เอ่งฉ้วน

ผู้เขียน

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ประโยชน์ของการวอร์มร่างกายยืดกล้ามเนื้อและคูลดาวน์


ทุกคนเคยสังเกตุกันไหมว่าทำไมก่อนการทำการแข่งกีฬาหรือการออกกำลังกายนั้นนักกีฬาต้องวอร์มอบอุ่นร่างกายการยืดกล้ามเนื้อและการคูลดาวน์หลังจบการแข่งขันวันนี้จะมาบอกว่าทำไมถึงต้องทำอย่างที่ว่ามา

ในก่อนการแข่งขันหรือการออกกำลังกายควรมีการอบอุ่นร่างกายยืดเส้นยืดสายเพื่อเตรียมร่างกายก่อนที่จะออกแรงอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้ใช้ประสิทธิภาพกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่และลดโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บของนักกีฬาที่คาดไม่ถึงด้วย

การวอร์มอบอุ่นร่างกายเพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้นการเคลื่อนไหวเบาๆควรจะเริ่มด้วยการวิ่งเบาๆ เป็นเวลาประมาณ 5-10 นาทีจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เคลื่อนไหวและเกิดความร้อนในกล้ามเนื้อการยืดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะเอ็น ข้อต่อ  ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญ การยืดจะช่วยทำให้มุมในการเคลื่อนไหวกว้างขึ้นนักกีฬาจะวอร์มร่างกายก่อนที่จะทำการแข่งขันจริงเพื่อที่ร่างกายมีเวลาปรับตัวก่อนที่จะแข่งและลดโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บขณะที่ทำการแข่ง

หลังจากที่ทำการแข่งขันจบลงแล้วนักกีฬาควรทำให้ร่างกายคูลดาวน์ การคูลดาวน์คือการทำให้ร่างกายเย็นลงช้าๆ เพราะให้เวลาการแข่งขันร่างกายกล้ามเนื้อของนักกีฬาจะร้อนมากๆ ควรทำให้ร่างกายเย็นลงช้าที่เรียกว่าการคูลดาวน์ประโยชน์ของมันคือ ทำให้ร่างกายค่อยเย็นลง เช่น การเดินจะช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆลดลง เลือดไหลเข้าไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีแล้ว ยังช่วยยังทำให้กรดแลคติกในกล้ามเนื้อ ตัวการที่ทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ค่อยๆ สลายไป เนื่องจากออกซิเจนในเลือดสามารถไหลมาหล่อเลี้ยงได้เต็มที่ จึงช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังทำการแข่งขัน 

ข้อดีของการวอร์มร่างกายการยืดกล้ามเนื้อและการคูลดาวน์ คือ ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการแข่งขันของนักกีฬาได้เป็นวิธีป้องกันที่ดี เพราะถ้านักกีฬาเกิดอาการบาดเจ็บจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายและมีผลกระทบต่อทีมหรือต่อตัวเองได้ การวอร์มร่างกายถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม

เครดิตภาพ
re-street


อัตชัย : ปัณณ์กฤษฎ์ พงศโอสธี
ผู้เขียน

โคตรเจ้าบุญทุ่มแห่งคลองเตย : ขุมกำลังการท่าเรือ เอฟซี


 

เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส , อดิศักดิ์ ไกรษร , ชาริล ชัปปุยส์ , กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ ตลอดจนถึง อดิศร พรหมรักษ์ , ทิตาธร และ ทิตาวีร์ อักษรศรี จัดเป็นดีล นักเตะชื่อดัง ที่ย้ายมาร่วมทัพ สิงห์เจ้าท่า ในช่วงฤดูกาลนี้

 

เมื่อมารวมกับขุมกำลังเดิมอย่าง เซอร์จิโอ ซัวเรซ , โก ซุลกิ , ปกรณ์ เปรมภักดิ์ , บดินทร์ ผาลา มันก็สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการฟุตบอลไทยพอสมควร เสมือนเป็นการประกาศจาก มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซํา ออกมาอย่างกลายๆ ว่า “ปีนี้ พี่เอานะ”

 

หลังจากเสริมกันเข้ามาแบบเต็มพิกัดแล้ว ทีนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของ เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ กุนซือคนใหม่หน้าเก่า ที่จะต้องดูฟอร์ม คัดเลือก ว่าใครจะอยู่ หรือจะปล่อยยืมใคร และสุดท้าย เลือกสรร 11 ตัวจริง ในแต่ละเกมให้ลงตัวที่สุด

 

ซึ่งภาพรวมที่ดูน่าอิจฉา ที่มีแข้งมากมายให้เลือกใช้ แต่พอมองลึกลงไปรายละเอียด มันก็ดูจะเป็นงานที่หนักและน่ากังวลไม่น้อยเลย รวมถึงแรงกดดันที่จะได้รับมากขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้ผมเลยจะมาลองวิเคราห์ดูสักหน่อย ว่าสุดท้ายแล้ว หน้าตาของ สิงห์เจ้าท่า ในนัดที่ 5 ของไทยลีกจะออกมาเป็นอย่างไร

 

ระบบ 4-2-3-1 ถือเป็นระบบที่ท่าเรือใช้มาตลอดตั้งแต่ในยุคของ เซอร์เด็จ ในคราวก่อนที่คุมทีม หรือจะเป็น 4 นัดแรกที่พึ่งผ่านไป ที่เป็น โชคทวี คุมทีม

 

ผู้รักษาประตู - มี 3 คน

รัตนัย ส่องแสงจันทร์ , วรวุฒิ ศรีสุภา , วัชระ บัวทอง

 

ทั้งสนามคนนี้ถือเป็นผู้รักษาประตูฝีมือดี ที่ต่างก็เคยลงสนามให้ทีมแล้วทั้งหมด ถือว่าเป็นทีมที่มีการแข่งขันสูงมากในตำแหน่งนี้ แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลา รัตนัย จะออกสตาร์ทตัวจริงก่อน


กองหลัง - มี 13 คน (ลงสนามทีละ 4 คน)

เอเลียส ดอเลาะ , นิติพงษ์ เสลานนท์ , ดาบิด โรเชล่า , อดิษร พรหมรักษ์ , เควิน ดีรมรัมย์ , ธนบูรณ์ เกศารัตน์ , จตุภัช สัทธรรม , ทศพล ลาเทศ, อธิบดี เอติรัตน์ , มาร์ติน สตูเบิ้ล , ทิตาธร อักษรศรี , ทิตาวีร์ อักษรศรี , ยศวรรธน์ มนทา

 

ก่อนอื่นต้องขอนับ ตั้ม ธนบูรณ์ เป็นกองหลังไปก่อน เนื่องจากในฤดูกาลที่ผ่านมา เจ้าตัวถูกใช้งานในตำแหน่งนี้เป็นหลัก แต่เมื่อมีตัวใหม่เพิ่มเข้ามาแบบนี้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องขยับ ตั้ม ขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์

 

ส่วนตำแหน่งแบ็คขวา-ซ้าย ถึงจะมีนักเตะใหม่หลายรายแต่สุดท้ายความสามารถของ นิติพงษ์ ทางขวา และ เควิน ทางซ้าย ก็ดีพอจะยึดตัวจริงต่อไปได้ และ ทิตาวีร์ ก็จะมาเป็นแบ็คอัพ ในตำแหน่งทางขวา

 

ส่วนทางซ้าย ปีก่อนจะเป็น สตูเบิ้ล ที่ได้รับโอกาสยามไร้เควิน แต่มาปีนี้ ดาวรุ่งอย่าง จตุรภัช ก็ได้รับโอกาสบ้างเช่นกัน แถมยังได้ ทิตาธร เข้ามาเสริมอีก เชื่อว่าสุดท้ายคงต้องตัดสินใจปล่อยนักเตะออกสักรายนึง ระหว่าง สตูเบิ้ล และ จตุรภัทร เพราะทั้งคู่ดีเกินกว่าจะมาเป็นตัวเลือกที่ 3 ของทีม

 

ด้านในแน่นอนว่าต้องมี โรเชล่า กัปตันทีมชาวสเปนยืนปักหลักอยู่ ส่วนคู่หู ตัวไทยอย่าง อดิษร และ เอเลียส คงต้องแย่งชิงกัน ส่วนพวกที่เหลืออย่าง ยศวรรธน์ , ทศพล และ อธิบดี อาจต้องเก็บกระเป๋าออกไปจาก แพท สเตเดี้ยม

 

คู่มิดฟิลด์ - มี 6 คน (ลงสนามทีละ 2 คน)

โก ซุลกิ , ศิวกร จักขุประสาท , กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ , ฉัตรมงคล ทองคีรี , ชาริล ชัปปุยส์ , สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ

 

โก ซุลกิ ประจำการแน่นอนแล้ว 1 ตำแหน่ง ส่วน ศิวกร เจ้าของพื้นที่เก่าเจ็บไปในช่วง 4 นัดแรก ทำให้ กานต์นรินทร์ ได้ลงสนามและทำผลงานได้ดีทีเดียว สองคนนี้ก็คงต้องแย่งกันในการยึดตัวจริงนัดถัดไป และอาจมี ธนบูรณ์ อีกคนที่ขยับขึ้นมาท้าชิงอีกคนนึง

 

ส่วน ชัปปุยส์ อาจจะทำได้เพียงนั่งสำรองไปก่อน และสุดท้าย ฉัตรมงคล กับ สรรเสริญ คงต้องถูกปล่อยยืมบ้างสัก 1 คน หรือไม่ก็อาจไปแบบ แพ็คคู่

 

เกมรุก - มี 9 คน (ลงสนามทีละ 4 คน)

เซร์คิโอ ซัวเรซ , เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส , ปกรณ์ เปรมภักดิ์ , บดินทร์ ผาลา , ธนาสิทธิ์ ศิริผลา , อดิศักดิ์ ไกรษร , เจนรบ สำเภาดี , ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา , ธนากร แดงทอง

 

ใน 4 นัดแรก ทีมใช้งาน ปกรณ์ และ บดินทร์ ยืนริมเส้น แล้วข้างในเป็น ซัวเรส กับ เฮแบรตี้ เล่นร่วมกัน โดยไม่ได้ใช้งาน หน้าเป้าอาชีพ แต่พวกเขาก็จะเลือกเปลี่ยน อดิศักดิ์ ลงมาในช่วงครึ่งหลังและ อุลตร้ากอล์ฟ ก็ทำไปได้ 2 ประตู จากการลงสนามเพียง 55 นาที

 

ส่วน ธนาสิทธิ์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวความเร็วที่จะได้ลงสนามมาใช้ความเร็วท้ายเกม ส่วน เจนรบ และ ณัฐวุฒิ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ยามที่ต้องการ โรเตชั่น แต่ ธนากร ก็อาจต้องเก็บกระเป๋าออกจากทีมไปอีกราย


เครดิตภาพต้นฉบับ

การท่าเรือ เอฟซี Port FC

Edit โดย SPC-X




PALM WAZZA : ธนชล เอ่งฉ้วน

ผู้เขียน