วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563

“เราจะคว้าแชมป์โลกภายในปี 2050” เป้าหมายที่จีนอยากให้เป็นจริง



หากเอ่ยถึงวงการกีฬาของจีน ทุกคนก็คงจะจินตนาการได้ถึงภาพของการเป็นเจ้าเหรียญทองในการแข่งขันมหกรรมกีฬาต่างๆ ทว่าในกีฬามหาชนอย่าง “ฟุตบอล” ผลงานของแข้งแดนมังกรกลับไม่เป็นเช่นนั้น

 

แต่เมื่อไม่นานมานี้ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของประเทศได้ออกมาประกาศนโยบายสำคัญว่าต้องการจะเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกและคว้าแชมป์โลกให้ได้ก่อนปี 2050 ตามความชื่นชอบส่วนตัวที่มีต่อกีฬาลูกหนังเป็นอย่างมาก

 

แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามั่นใจถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ พวกเขาจะอาศัยแต่แข้งโอนสัญชาติใช่ไหม พวกเขามีแนวทางอย่างไร มีแนวปฏิบัติอย่างไร ถึงเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าภายในระยะเวลาประมาณ 30 ปีข้างหน้านี้ มันคืออะไรกันแน่หละ?

 

แข้งเชื้อสายจีน

 

แนวคิดเรื่องการใช้นักเตะต่างชาติถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ มาร์เชลโล ลิปปี ยื่นต่อทางการจีน ในการที่จะให้เขากลับมาคุมทีมชาติจีนอีกคำรบหนึ่ง

 

โดยเริ่มแรก นิโก้ เยนนาริส อดีตเยาวชน อาร์เซน่อล และ ทีมชาติอังกฤษ ยู-19 ถูก ปักกิ่ง กั๋วอั่น ทีมดังจากเมืองหลวงนำเข้ามาด้วยเงื่อนไขที่เขามี “แม่เป็นคนจีน” พร้อมด้วย จอห์น ฮู เซเตอร์ มิดฟิลด์จากนอร์เวย์ ที่ใช้เงื่อนไขเดียวกัน

 

ไทอัส บราวนิ่ง ในชุดกวางโจว

ต่อมายักษ์ใหญ่อย่าง กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ ก็ได้เซ็นกับ ไทอัส บราวนิ่ง ปราการหลังที่ทาง เอฟเวอร์ตัน ปั้นไม่ขึ้น โดย บราวนิ่ง เคยเล่นให้ทีมชาติอังกฤษในชุดเยาวชน แต่การที่เขามี “ปู่เป็นชาวจีน” ก็ทำให้เขาเลือกมาค้าแข้งและติดธงยังแผ่นดินมังกร

 

เท่ากับว่า 3 แข้งเชื้อสายยุโรปก็จัดอยู่ในประเภท “ลูกครึ่ง” มากกว่าโอนสัญชาติ เพียงแต่ด้วยกฎหมายของประเทศจีน ประชาชนจะต้องถือพาสปอร์ตได้เพียงชาติเดียว ทำให้พวกเขาเหล่านี้ต้องสละสัญชาติเก่าออกไปด้วย

 

สละสัญชาติเดิม

 

ขั้นต่อมานี้ จะนับเป็นกลุ่มที่ใช้คำว่า “โอนสัญชาติ” ได้เต็มปาก โดยจะเป็นแข้งต่างชาติที่ทำผลงานได้ดีในลีกของจีน และต้องทำงานในประเทศจีนมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี และแน่นอนพวกเขาจะต้อง “สมัครใจ” ที่จะเลือกสละสัญชาติเดิม เพื่อเปลี่ยนมาเป็นประชาชนจีนอย่างถาวร

 

นอกเหนือจากนี้พวกเขายังต้องเข้าคอร์สติวภาษาจีน , ร้องเพลงชาติจีน และ ศึกษาประวัติศาสตร์ของแดนมังกร อีกด้วย ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ คุณเป็นใครที่ไหน จะมาโอนสัญชาติเพื่อมาขอเล่นทีมชาติจีนได้โดยง่าย แต่คุณจะต้องเต็มใจที่จะเป็น “คนจีน” ทั้งกายและใจ

 

ในกลุ่มแรกตอนนี้ ก็จะเป็นแข้งบราซิลทั้งหมด เนื่องจากเป็นเป้าหมายหลักของสโมสรจีนในการนำเข้าแข้งต่างชาติเมื่อ 5-7 ปีก่อน โดยคนแรกคือ เอลเคสัน กองหน้าเจ้าของสถิติ 106 ประตู จาก 159 นัดใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก ซึ่งเขาก็ได้ลงสนามให้ทีมชาติในรายการคัดบอลโลก โซนเอเชีย ไปแล้ว 1 นัดด้วยกัน

 

ส่วนชุดถัดไปที่เพิ่งได้รับการอนุมัติหรือกำลังรอการอนุมัติจากฟีฟ่าก็คือ อลอยซิโอ และ อลัน คาวัญโญ่ สองกองหน้าตัวเก่ง รวมถึง ริคาร์โด้ กูลาร์ท ตัวรุกระดับตำนานของกวางโจว และ แฟนันตินโญ่ ปีกความเร็วสูง

 

ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะพร้อมลงสนามในโปรแกรมนัดถัดไปของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย โดยพวกเขาก็หวังจะมาผนึกกำลังกับ จาง หลินเผิง ปราการหลักตัวเก่ง และ อู่ เล่ย นักเตะลาลีก้า สองกำลังสำคัญเพื่อพาจีนลุ้นตั๋วไปฟุตบอลโลกรอบนี้ให้ได้

 

ใจบันดาลแรง

 

แน่นอน บรรดานักเตะชุดนี้ก็ยังดูห่างไกลกับเป้าหมายหลักของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาจะได้กลับมาหากชุดนี้สามารถโชว์ฟอร์มได้ดี ก็คือการ “ปลุกกระแส” ความหลงใหลในกีฬาลูกหนังของเยาวชนจีน ที่ปัจจุบันนี้เด็กเหล่านั้นยังสนใจในกีฬาอย่าง ปิงปอง หรือกีฬาอื่นๆ มากกว่า

 

นี่แหละคือแผนระยะยาวที่พวกเขาคิดเอาไว้ เมื่อลีกฟุตบอลในประเทศยกระดับด้วยแข้งต่างชาติชื่อดังจนมีค่าสัมประสิทธิ์เป็นเบอร์ 1 ของเอเชีย รวมถึงทีมชาติที่ยกระดับด้วยแข้งโอนสัญชาติ มันก็คงจะมากพอ บันดาลให้ใจของเด็กรุ่นใหม่หันมารักในกีฬาฟุตบอลมากขึ้นได้แน่นอน

 

และเมื่อมี “แรงบันดาลใจ” ที่ดีแล้ว สิ่งที่ต้องมาคู่กันก็คือ “การลงมือทำ”

 

พวกเขาเริ่มวางรากฐานตั้งแต่นโยบายสนันสนุนให้ภาคธุรกิจต่างๆ หันมาลงทุนกับฟุตบอล จนเป็นที่มาของการที่ทีมใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก มีเงินทุนหนุนหลังมหาศาลและนำเข้านักเตะระดับโลกมากมายในรอบ 10 ปีหลัง

 

โรงเรียน​ฟุตบอล​เอเว​อร์แกรนด์

นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังวางนโยบายมาตั้งแต่ปี 2016 ยังมีโดยการเริ่มอบรมโค้ชอย่างถูกวิธี เริ่มสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลและโรงเรียนฟุตบอลให้กระจายไปในทุกๆ เมือง เป็นจำนวนกว่า  3,000 แห่งทั่วประเทศ และตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประชากรที่เป็นนักฟุตบอลอีก 50 ล้านคน รวมถึงนักเรียนที่เรียนด้านฟุตบอลโดยตรงอีก 30 ล้านคน

 

สนามฝึกซ้อมของ ต้าเหลียน

ซึ่งการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี ได้ฝึกฝนฟุตบอลที่ถูกต้องตามหลักการ ได้ใช้สิ่งอำนวนความสะดวกและสนามที่มีมาตรฐาน มันจะทำให้ “มังกรเลือดใหม่” มีโฉมหน้าที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน

 

ผังสนามฟุตบอลพร้อมห้างฯเมืองชีอาน

ตอนนี้พวกเขาก็ยังเริ่มเดินหน้าสร้างสนามแข่งขันไร้ลู่วิ่งตามหัวเมืองใหญ่แล้วด้วย โดยเป้าหมายแรกคือการใช้รองรับ “เอเชี่ยนคัพ 2023” ก่อนจะส่งมอบให้สโมสรต่างๆ ใช้งานต่อไปและอาจต่อยอดถึงเป้าหมายการเป็น “เจ้าภาพฟุตบอลโลก” ตามที่คาดหวังไว้ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน


เครดิตภาพ

เพจเล่าเรื่องบอลจีน

bestthqwalpaper



PALM WAZZA : ธนชล เอ่งฉ้วน

ผู้เขียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น